นิทานพื้นบ้านรื่อง ปลาบู่ทอง
“ปลาบู่ทอง” เป็นนิทานพื้นบ้านของไทย
เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวชาวบ้านผู้มีใจเมตตาและมีความกตัญญูต่อมารดาและบิดาได้แต่งงานกับกษัตริย์
เคยสร้างเป็นภาพยนต์และละครโทรทัศน์มาแล้วหลายครั้ง
มีเนื้อเรื่องสนุกสนานเพลิดเพลินและให้แง่คิดสอนใจที่ดีไว้อีกด้วย
นานมาแล้ว มีชายหาปลาคนหนึ่งชื่อว่า “ ทารก
”(ทาระกะ) เขามีภรรยาสองคน คนแรกชื่อว่า “ขนิษฐา”
คนที่สองชื่อว่า “ขนิษฐี ” นางกนิษฐามีลูกสาวคนเดียวชื่อว่า
“เอื้อย ”
ในขณะที่นางกนิษฐีมีลูกสาวสองคน คนแรกชื่อ “อ้าย ” กับ “อี่ ”
ชายหาปลาไม่ชอบภรรยาหลวงและลูกสาวของนาง
จึงมักจะดุด่าและบังคับให้ทำงานหนักทุกวันในขณะที่นางกนิษฐีผู้เป็นภรรยาน้อยกับลูกสาวสองคนใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายเพราะไม่ต้องทำงานหนักเหมือนอย่าง
แม่ลูกคู่นั้น…อย่างไรก็ตามทั้งนางกนิษฐีและลูก ๆ
ของนางก็ยังเกลียดนางกนิษฐาและเอื้อยอีกซ้ำยังอิจฉาริษยา
และหาทางกลั่นแกล้งสองแม่ลูกอยู่ตลอดเวลา… ทุก ๆ เช้า
ชายหาปลาจะออกไปทอดแหหาปลาในแม่น้ำและจะมีภรรยาสองคนผลัดกันเป็นคนพายเรือ
ให้คนละวันหลังจากได้ปลามากพอในแต่ละวันแล้วก็จะนำไปขายที่ตลาดก่อนกลับบ้าน
อยู่มาวันหนึ่ง
นางกนิษฐาทำหน้าที่เป็นคนพายเรือให้สามีในขณะหาปลา
แต่ว่าไม่ได้ปลาสักตัวเดียวนอกจากปลาบู่ทองตัวหนึ่งเท่านั้น
ตลอดทั้งวันชายหาปลาทอดแหแล้วทอดอีกก็ได้แต่ปลาบู่ทองตัวเดิมมาทุกทีเขาปล่อยมันลงไปในน้ำแต่ไม่นานมันก็ติดแหขึ้นมาอีก
เขาโมโหมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี และทุกครั้งที่เขา
ได้ปลาบู่ขึ้นมาภรรยาของเขาก็จะขอเขาไว้เพื่อเก็บไว้ให้ลูกของตนเลี้ยงเล่นแต่เขาจะโยนมันทิ้งไปโดยไม่แยแส
คำขอร้องของภรรยาตนแต่ในที่สุดก็เกิดบันดาลโทสะอย่างแรงจนถึงขั้นตบตีนางและผลักนางลงน้ำไป
ภรรยา ของเขาจึงจมน้ำตายเพราะว่ายน้ำไม่เป็น
ด้วยเหตุนี้ชายหาปลาจึงกลับบ้านเพียงลำพัง
และพบเอื้อยกำลังรอแม่ของตนกลับมาอยู่
และเมื่อลูกสาวถามหาแม่เขาก็ปฏิเสธที่จะพูดอะไรออกไปเมื่อลูกสาวคะยั้นคะยออยู่ตลอดเวลา
เขาจึงบอกว่าแม่ของนางไปอยู่ใต้น้ำและจะกลับมาในอีก 3
วัน และบอกให้ลูกสาวหยุดร้องไห้มิฉะนั้นแล้วแม่ของนางจะไม่กลับมาอีกเลย…และถึงแม้ว่าเด็กสาวจะไม่เข้าใจว่าบิดาของตนพูดอะไร
แต่ก็นึกเอาว่ามารดาของตนต้องประสบอันตรายอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงร้องไห้โฮออกมา
ฝ่ายชายหาปลาเกรงว่าข่าวการหายไปของภรรยาตนจะแพร่หลาย
จึงบังคับให้ลูกสาวหยุดร้องไห้ในทันทีและเริ่มทุบตีนาง เพื่อนบ้านเข้ามาขัดขวางและถามถึงภรรยาหลวงของเขา
ชายหาปลาก็พูดโกหกไปว่าหนีตามชู้ไปแต่ก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา
เพราะทุกคนรู้ว่าชายหาปลาผู้นี้เกลียดภรรยาหลวงและรักภรรยาน้อยมากกว่า
แต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้มาก ได้แต่เพียงช่วยปลอบใจเอื้อยเท่านั้น
รุ่งเช้าพ่อกับแม่เลี้ยงบอกให้นางทำงานบ้าน
แต่นางยังเจ็บแผลที่ถูกเฆี่ยนตีอยู่จึงขอหยุดพักแต่ทั้งคู่ ไม่ยอมฟังนาง
ตรงกันข้ามกับลูกสาวทั้งสองคนของแม่เลี้ยง ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
พวกเขาเพียงแต่กินและเล่นเท่านั้นเอง
หลังจากจมน้ำตาย นางกนิษฐาก็ไปเกิดเป็นปลาบู่ทอง
ว่ายน้ำมาที่ท่าน้ำหน้าบ้านและรอเอื้อยด้วยความรัก
ปลาบู่ทองเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอื้อยฟัง นางสงสารผู้เป็นแม่มาก
นางจะนำอาหารมาให้ปลาผู้เป็นมารดาและพูดคุยกันเพื่อจะได้ลืมความทุกข์โศกทั้งปวง
แต่ไม่นานนัก…อ้ายก็รู้เรื่องเข้าจึงไปบอกให้แม่ตนเองทราบและแล้วผู้เป็นแม่ก็วางแผนฆ่าปลาบู่ทองเสีย…ในขณะที่เอื้อยได้รับคำสั่งให้ไปเลี้ยงวัวในทุ่งนา
ปลาบู่ทองก็ถูกล่อไปฆ่ากินเป็นอาหาร ผู้เป็นแม่เลี้ยง
ให้หมาและแมวกินก้างปลาบู่ทองหมดและโยนเกล็ดทิ้งไป
ด้วยความสงสารเอื้อยจึงไปถามหมาและแมวซึ่งทั้งสองก็ปฏิเสธที่จะบอกความจริง
เป็ดเข้ามาปลอบเอื้อยและมอบเกล็ดปลาบู่ทองให้นาง เอื้อยเสียใจมากที่ได้รู้เรื่อง
ดั้งนั้นนางจึงฝังเกล็ดปลาบู่ทองไว้ในป่า
และตั้งอธิฐานขอให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือเปราะ
ด้วยพรของเทวดา ทันใดนั้น…ก็เกิดต้นมะเขือเปราะงอกงามขึ้น
นับแต่นั้นมาเอื้อยก็มีความสุข ได้มากราบไหว้และพูดคุยกับต้นมะเขือเปราะทุกวัน
แต่โชคร้าย…อ้ายก็แอบมาเห็นอีก จึงไปบอกแม่ของตน
ผู้เป็นแม่จึงสั่งให้นางถอนต้นมะเขือเปราะทิ้ง แล้วนำผลมาทานทันที
หลังจากกินแล้วก็โยนเม็ดมะเขือเปราะทิ้งไป เป็ดก็เก็บเม็ดมะเขือไว้ให้เอื้อยอีก
เอื้อยเสียใจอย่างสุดซึ้ง นางจึงนำเม็ดมะเขือไปปลูกไว้ในป่าแล้วอธิฐาน
ขอให้แม่เกิดเป็นต้นโพธิ์ เพื่อที่นางจะได้ กราบไหว้บูชา
และด้วยพรของเทวดาต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองก็งอกงามขึ้นในบัดดล
ในกาลต่อมา…พระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาทรงเห็นต้นโพธิ์ก็ทรงอยากได้ไปปลูกในวังจึงให้ถามหาเจ้าของ
และเมื่อได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบพระองค์ก็ทรงประสงค์ที่จะพบเอื้อย
และเอื้อยก็ได้กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ ด้วยความสงสารในตัวนาง
พระองค์จึงตัดสินพระทัยที่จะอธิเษกสมรสกับเอื้อยและตั้งให้เป็นพระราชีนี
และพระเจ้าพรหมทัตทรงถอนต้นโพธิ์ไม่ขึ้นแม้จะมีไพร่พลช่วยก็ตาม
จึงทรงรับสั่งให้เอื้อยถอนมาให้พระองค์
และเมื่อเอื้อยขออนุญาตมารดาของตนก็สามารถถอนต้นโพธิ์ขึ้นได้โดยง่าย
พระเจ้าพรหมทัตทรงแปลกพระทัย และทรงดำริว่าเอื้อยมีบุญบารมีสมเป็นพระชาชินี
จึงพาไปอยู่ในวังและทรงตั้งให้เป็น…พระชาชินีของพระองค์
ในขณะเดียวกัน แม่เลี้ยงและลูกสาวทั้งสองของนางก็เกิดความอิจฉาริษยาอย่างมากที่ได้รู้ข่าวว่า
เอื้อยตอนนี้ได้กลายเป็นพระราชินีไปแล้ว
จึงไปหายายเฒ่าผู้หนึ่งซึ่งก็ออกอุบายให้ส่งข่าวไปบอกราชินีเอื้อยว่าบิดาของนางเจ็บหนักใกล้จะตายแล้ว
ทันทีที่ได้รับข่าวราชินีเอื้อยผู้กตัญญูก็รีบกลับมาเยี่ยมบิดาที่บ้าน
แต่ก่อนที่จะเข้าบ้าน ผู้เป็นแม่เลี้ยงบอกให้นางถอดเครื่องทรงราชินีออกแล้วให้ไปอาบน้ำก่อนจึงค่อยไปพบบิดา
ในขณะเดินเข้าไปในห้องด้านใน
พระราชินีผู้น่าสงสารก็ตกลงไปในกระทะน้ำเดือดที่นางแม่เลี้ยงจอมริษยาซ่อนไว้เบื้องล่าง
ยังผลให้พระราชินีสิ้นพระชนม์ในทันที จากนั้นอ้ายก็รีบแต่งเครื่องทรงพระราชินี
และกลับวังโดยปลอมเป็นเอื้อย
นางเข้าไปพบพระราชาผู้ซึ่งแสดงอาการไม่ค่อยจะเชื่อว่าเป็นเอื้อย
แต่อ้ายก็ใช้คาถาที่ยายเฒ่าให้มาเสกให้พระราชาอยู่ใต้อำนาจของตน
แม้กระนั้นพระราชาก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่าทำไมต้นโพธิ์ จึงดูเหี่ยวเฉาไม่มีชีวิตชีวา
หลังจากถูกฆาตกรรมแล้วราชินีเอื้อยก็ไปเกิดเป็นนกแขกเต้า
ด้วยความรักและห่วงใยในพระราชา
จึงบินมาหาพระองค์และกราบทูลให้พระองค์ทราบเรื่องราวทั้งหมด
หลังจากสัตว์ผู้น่าสงสารกราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ
พระองค์ก็ทรงเลี้ยงดูนกแขกเต้าไว้ในกรงทอง และทรงพูดคุยด้วยเสมอ และแล้ววันหนึ่ง
ราชินีปลอมอ้ายก็แอบมารู้จนได้
ดังนั้นในขณะที่พระราชาเสด็จออกป่าเพื่อคล้องช้างเผือกมาสู่บารมี
ราชินีปลอมก็จับนกแขกเต้าผู้น่าสงสารถอนขนจนหมดแล้วส่งไปให้แม่ครัวแกง
นกแขกเต้าแกล้งทำเป็นนอนตาย
แม่ครัวเลยไม่สนใจปล่อยมันไว้ในครัวรอเวลาที่จะทำแกงนกถวายพระราชินีในตอนเย็น…เจ้านกแขกเต้าผู้ปราศจากขนและทุกข์ทรมาน
จึงสบโอกาสหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโพรงหนู
เมื่อหานกที่นอนตายอยู่ไม่พบและกลัวจะมีความผิด
แม่ครัวจึงไปหาซื้อนกอื่นมาแกงถวายพระราชินีแทน
ฝ่ายแม่ครัวได้รับรางวัลตอบแทนเป็นผ้าสะไบ…เจ้านกแขกเต้าผู้น่าสงสารอาศัยอยู่ในโพรงหนู
จนกระทั่งขนขึ้นเต็มตัวก็บอกลาหนู
ซึ่งก็อาสาพาไปส่งถึงชายป่าในขณะท่องเที่ยวไปในป่าอยู่ตามลำพังก็เกือบจะถูกงูกินไปแล้ว
โชคดีที่นกใหญ่มาจับงูกินเสียก่อน
และแล้ว…นกแขกเต้าก็มาพบพระฤๅษีผู้ซึ่งเกิดความสงสารก็เลยช่วยชุบนกแขกเต้าให้กลายเป็นหญิงสาวสวย
พระฤๅษีก็เลี้ยงดูเอื้อยอย่างลูกสาวของตน
แต่ก็สังเกตเห็นว่าลูกบุญธรรมของตนดูจะเหงาหงอยอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นท่านจึงวาดรูปขึ้นหลายๆ รูปแล้วให้เอื้อยเลือกเอารูปเดียว
หลังจากเลือกแล้วท่านก็จะเสกให้เป็นคน เอื้อยได้เลือกเอารูปเด็กชายมอบให้ฤๅษี
ฤๅษีใช้คาถาเสกให้เป็นคนเพื่อที่นางจะได้เลี้ยงดูเป็นบุตรชาย
ท่านฤๅษีจึงตั้งชื่อเด็กชายนั้นว่า “ลพ”
ผ่าน ไปหลายปี เจ้าลบเกิดความสงสัยว่าพ่อเป็นใคร
เอื้อยจึงเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง
ทำให้ลบร้องขอที่จะเข้าไปในวังเพื่อกราบทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ทรงทราบความจริง
เอื้อยได้ร้อยพวงมาลัยฝากไปถวายพระเจ้าพรหมทัตด้วย ลพเดินทางมาถึงพระราชวัง
ก็พยายามหาทางจนได้โอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตและถวายพวงมาลัย
พระเจ้าพรหมทัตเห็นฝีมือร้อยมาลัยก็จดจำได้ว่าเป็นฝีมือของเอื้อย
ลพจึงกราบทูลเรื่องราวของเอื้อยถวาย
พระเจ้าพรหมทัตดีพระทัยที่เอื้อยยังมีชีวิตอยู่ จึงเสด็จไปรับเอื้อยกลับคืนสู่พระราชวัง
เมื่ออ้ายทราบว่าเอื้อยได้กลับมาที่พระราชวังแล้วอ้ายกลัวความผิดจึงชิงดื่มยาพิษฆ่าตัวตายไปก่อน
ส่วนขนิษฐีและอี่ก็ถูก พระเจ้าพรหมทัตลงโทษ
ด้วยการขับออกนอกวังกลับบ้านไปและให้ถือศีลบำเพ็ญความดีตลอดชีวิต…เอื้อยและต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองก็มีชีวิตที่สงบสุข นับจากนั้นเป็นต้นมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น